เรือจักรีนฤเบศร
ขอเริ่มต้นจากบทความของคุณ Analayo นะครับ เข้าใจว่าเขียนบทความที่ Thai Armed Forced ด้วย http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=26-03-2006&group=1&blog=1
รู้จักกับ "เรือหลวงจักรีนฤเบศร" กันเถอะ
เรือรบลำนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเรือรบที่มีคนรู้จักมากที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ ก็เพราะมันเป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ (และเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่ง) ลำแรกและเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแม้มันจะเล็กที่สุดในโลก แต่มันก็เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของเหล่าทหารเรือและคนไทยที่จะพูดได้เต็มปากว่า "เราก็มีเรือบรรทุกเครื่องบินกะเค้าเหมือนกัน"
เรื่องมันเริ่มยังไง
คงยังจำกันได้ถึงตอนที่ใต้ฝุ่นเกย์ถล่มประเทศไทย กองทัพเรือในฐานะเป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหน่วยหนึ่งนั้นพบว่า เรือที่เรามีอยู่นั้นมันทั้งเล็ก ทั้งบาง โต้คลื่นแรง ๆ อย่างงั้นไม่ไหว ประกอบกับเราต้องการเพิ่มศักยภาพในการปกป้องน่านน้ำไทย จึงเป็นที่มาของการซื้อเรือบรรทุกฮ. ซึ่งทางรัฐบาลได้จ้างบริษัท Bazan-Ferrol ต่อเรือให้เราในราคา 7,000,000,000 ล้านบาท และใช้แบบของเรือ Principe de Asturias ของสเปนแม่แบบในการสร้าง โดยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชนินีนาถทรงเสด็จไปทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำที่ประเทศสเปนเมื่อ 20 กุมภา 2539 จากนั้นเรือได้ทำการฝึกกับ Principe de Asturias ที่สเปนและเดินทางกลับประเทศไทย โดยขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 10 สิงหา ปี 40
ประสิทธิภาพ เป็นธรรมดาของทร.ไทยที่จะ "ซื้อก่อนเติมทีหลัง" เพราะเราเงินไม่มาก ยิ่งช่วงสร้างและรับเรือเป็นช่วงวิกฤษเศรษฐกิจซะด้วย เรือจึงออกจากอู่ในสภาพที่ไม่มีอะไรเลย แต่ต่อมามื่อเรามีเงินเราก็เริ่มเติมอาวุธเข้าไป เรือจักกรีนั้นสามารถบรรทุกอากาศยานไปได้ 18 ลำ พร้อมอาวุธกระสุนอีก 100 ตัน เรือทำความเร็วได้สูงสุด 26 Knot และเดินทางได้ไกล 10,000 ไมล์ทะเลที่ความเร็ว 12 Knot ระวางขับน้ำปกติ 7,000 ตัน เต็มที่ 11,486 ตัน มีระบบ Mistral ซึ่งเป็นระบบป้องกันตัวระยะประชิด (CIWS) 3 แท่น และปืนกล 0.50 นิ้วอีก 2 กระบอก ความจริงเรือยังรองรับแท่นยิงอาวุธปล่อยพื้นสู้อากาศแบบ Mk 41 ซึ่งสามารถยิงจรวด Sea Sparrow และสามารถติดตั้ง Phalanx ได้อีก 4 จุด แต่เรายังไม่มีตังค์จึงยังไม่ติด (การซื้อ Phalanx ใหม่อีก 4 ชุดของทร.ก็ไม่แน่ว่าจะติดในชั้นนี้ อาจจะไปติดชั้นนเรศวรกับปัตตานีแทนก็ได้)
อากาศยานประจำเรือ
เนื่องจากเรือมีสกีจั๊ม 15 องศา (กสีจั๊มคือส่วนโค้ง ๆ ตรงหัวเรือ เอาไว้เวลาเครื่อง Harrier ขึ้นบิน) เราจึงสามารถรองรับเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่งแบบ Harrier ได้
AV-8S Harrier ความจริง Harrier รุ่นนี้ก็คือ Harrier รุ่น A ที่สเปนนำมาโมแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นรุ่น S "El Matador" เราซื้อแบบมือสองมาจากฝูงบินนาวีที่ 8 ของกองทัพเรือสเปนในราคา 90 ล้านเหรียญ ซึ่งดูท่าแล้วเจ้าเครื่องนี้จะเป็นเครื่องโจมตีมากกว่าเครื่องบินขับไล่เพราะมันไม่มีเรด้าห์ ตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าทร.เองยากได้เครื่องมาแทนเจ้านักสู้วัวอยู่หรือเปล่า เพราะยังไม่เห็นเขียนในแผนการจัดหาเลย บางทีทร.อาจจะใช้จนหมดสภาพและปลดประจำการ และทำให้เรือลำนี้เป็นเรือบรรทุกฮ.เต็มตัวก็ได้ในช่วงนี้ ในอนาคตถ้าทร.ต้องการให้มีเครื่องบินประจำการบนเรือลำนี้จริง ๆ ก็คงต้องไปเข้าคิวซื้อเครื่อง F-35 B แล้วล่ะครับ เพราะเป็นเครื่องขึ้นลงทางดิ่งรุ่นเดียวที่จะผลิตในอนาคต ซึ่งเราคงต้องรอนานกว่าจะได้มา - S-70B SeaHawk ฮ.ตัวนี้ถูกกำหนดชื่อว่า ฮ.ปด.๑ หรือเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบที่ ๑ ซึ่งบางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมหน้าตามันเหมือน Black Hawk ของทบ.จัง คำตอบก็คือมันเป็น Black Hawk รุ่นใช้งานทางทะเลนั้นเอง เราซื้อมาเป็นมือหนึ่งทั้งหมด 6 ลำราคา 138 ล้านเหรียญ [ขอลบส่วนต่อจากนี้นะครับ เพราะฮ. ลำที่ตกในปฎิบัติการ ช่วยเหลือคนไทยในกัมพูชาคือ S-76]
ความเห็นของประชาชนประเทศเพื่อนบ้าน ผมได้มีโอกาสเล่นเว็บบอร์ดทางทหารในต่างประเทศ ก็พบว่าเพื่อบ้านเราส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าเรือลำนี้ไม่มีอาวุธเลย แถม Harrier นั้นยังบินไม่ได้ทั้ง 9 ลำ พูดกันตรง ๆ ก็คือส่วนใหญ่เค้าไม่ค่อยจะกลัวเรือลำนี้ซักเท่าไหร่ ซึ่งมันก็จริงของเค้า เพราะอาวุธเรามีแต่ยังไม่เต็มซักกะที และเรือลำนี้ก็อาจจะไม่ได้ออกแบบมาให้จมเรือรบฝ่ายข้าศึก เพราะฮ.ของเราเน้นปราบเรือดำน้ำ การจมเรือฝ่ายตรงข้ามคงเป็นหน้าที่ของเรือฟริเกต แต่อย่างน้อยมันก็พอจะป้องกันตัวเองได้ระดับหนึ่งโดยไม่ต้องพึ่งพากองเรือคุ้มกันมากนัก สรุปก็คือในปัจจุบันเราคงไม่สามารถคาดหวังบทบาททางการโจมตีเรือจากเรือลำนี้ได้มากนัก แต่เรามั่นใจได้กับบทบาทการสนับสนุนการยกพลขึ้นบกและการส่งกำลังบำรุงให้กับกองเรือ สิ่งที่ควรเพิ่มเติม
อย่างแรกเลยคือควรติดอาวุธให้กับเรืออย่างเต็มที่เพื่อการป้องกันตัวที่สูงสุด และเราควรมีเรือดำน้ำที่จะช่วยคุ้มกันเรือลำนี้ให้เหมือนการจัดการคุ้มกันแบบอเมริกันที่มีการคุ้มกันได้ทั้ง 3 มิติ (ฟ้า ผิวน้ำ ใต้น้ำ) ไม่งั้นเราก็ต้องเสี่ยงกับการสุญเสียเรือลำนี้ไป ซึ่งทร.เองก็ทราบเรื่องนี้ดีและพยายามเสนอซื้อเรือดำน้ำและเรือฟริเกตแบบหรูสุด ๆ อีกอย่างละ 2 ลำ นั้นจะทำให้เรามีกองเรือที่น่ากลัวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกร็ดเล็ก ๆ ของเรือลำนี้ -เรือลำนี้เดินทางกลับไทยโดยผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คลองสุเอซ มหาสมุทรอินเดีย จนถึงไทย -เรือประจำการอยู่ที่อ่าวไทย แต่ก็เคยเดินทางไปช่วยสึนามิที่อันดามันมาแล้ว -การสตาร์ดเครื่องเรือแต่ละครั้งใช้เงิน 200,000 บาท -เรือลำนี้พลาดการออกปฏิบัติการที่ติมอร์ตะวันออก คงเป็นเพราะไม่มีตังค์ (เพราะต้มยำกุ้งแผลงฤทธิ์พอดี) -มีการฝึกฝนและออกทะเลอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน -ฝรั่งส่วนใหญ่ยังไม่รู้เลยว่าเรามีเรือบรรทุกเครื่องบินกะเค้าด้วย -911 เป็นรหัสของเรือ และเป็นชื่อเล่นที่กลุ่มเพื่อน ๆ ของผมใช้เรียกเรือจักรี การสร้างเรือจงถึงการปล่อยลงน้ำนั้นทุกอย่างเป็นฤกษ์เลข 9 ทั้งหมด
Create Date : 26 มีนาคม 2549
Last Update : 21 ตุลาคม 2550 3:38:25 น.
ล่าสุด จาก Facebook Saab Thailand 8 ตุลาคม 2557 มีไม่กี่ประเทศบนโลกนี้ที่มีความสามารถในการทำงานอย่างบูรณาการร่วมกันระหว่างกองทัพอากาศและกองทัพเรือ ซาบมีความภาคภูมิใจที่จะได้อำนวยความสะดวกในเรื่องดังกล่าวให้กับกองทัพไทย บางส่วนจากแอพพลิเคชันที่มากมายสำหรับความสามารถนี้ คือ การขยายพิสัยของอาวุธและเซนเซอร์ของเรือ ความเป็นไปได้ในการสั่งการเครื่องบินขับไล่ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามในพื้นที่ใกล้กับทะเลอย่างเหมาะสม หรือการเพิ่มการปกป้องกองทัพอย่างมีนัยสำคัญ ภาพถ่ายต้นฉบับโดย: สมพงษ์ นนท์อาสา
Saab Thailand 6 ตุลาคม 2557
เรือหลวง จักรีนฤเบศรเป็นตัวอย่างล่าสุดของความสามารถในการเชื่อมต่อปฏิบัติการที่โดดเด่นระหว่างกองทัพอากาศไทยและกองทัพเรือผ่านระบบเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูล(Data link)และระบบสั่งการของซาบ หลังจากการทดสอบการยอมรับทางทะเล(SAT)ที่ประสบความสำเร็จไปด้วยดี ปัจจุบันเรือหลวงได้ทำการบูรณาการ Link E และ Link GADLS เข้าไว้ด้วยกัน อันเป็นการทำให้กองทัพเรือสามารถรับข้อมูลจากซาบ 340 เครื่องบินที่มีระบบเรดาร์แจ้งเดือนล่วงหน้าและการควบคุม (AEW&C) ของกองทัพอากาศไทย และสามารถติดต่อกับเครื่องบินขับไล่กริเพนทุกลำของกองทัพอากาศไทยได้อีกด้วย
ภาพถ่ายต้นฉบับโดย: สมพงษ์ นนท์อาสา
จากนี้ ผม (Shika) ขอเขียนจากที่ได้ศึกษา และจากคำถามที่มีเข้ามาเป็นประจำนะครับ
สำหรับผู้ที่ถามว่า จะเอาเครื่องบินลำนั้นลำนี้ มาลง 911 ได้ไหม ขออธิบายก่อนว่า ตอนออกแบบ ตอนใช้งาน ปัจจุบัน และอนาคต ใช้เป็นเรือ บรรทุก เฮลิคอปเตอร์ครับ การที่เพิ่ม Ski Jump ทำให้ AV-8S บินขึ้นได้ แต่ การลงจอด AV-8S ต้องอาศัยฝีมือ และความชำนาญมากๆ ของนักบิน เนื่องจากแทบจะไม่มีพื้นที่ให้ผิดพลาดเลย และลงจอดได้ด้วยวิธี Vertical Landing เท่านั้นครับ ดังนั้น เครื่องบิน ชนิดอื่นๆ เลิกคิดได้ ยกตัวอย่างเช่น Gripenใช้ทางลงราวๆ 400-600 เมตร เรือจักรีฯ มีความยาวเพียง 180 เมตร AV-8B อเมริกาไม่ขาย Lot สุดท้ายที่อังกฤษปลด ประเทยไทยไม่มีเงินซื้อ และอยู่ในมือของอเมริกา ที่จ้องจะขาย F-35B ราคาแพงๆอยู่แล้ว แต่ตัว F-35B เอง ถ้าจะเอามาลง 911 ต้องดัดแปลง อีกเยอะครับ เพราะ F-35B หัน ไอพ่นท้ายลง ดาดฟ้าเรือเต็มๆ มาดูผล ที่ได้บนเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกากันครับ
Credit ภาพ http://breakingdefense.com/2014/05/f-35b-will-fly-hover-not-land-vertically-at-riat-farnborough/
มีคำอธิบายไว้ครับ ว่าดาดฟ้าเรือ ต้อง Coat ด้วย Thermion วัสดุแบบใหม่ที่ประกอบด้วย อลูมิเนียมและเซรามิก ที่ผสมกันด้วยความร้อน เพื่อสร้างพื้นผิวที่เรียบ และทนทานต่อความร้อนสูง [http://www.thermioninc.com/] Max Take Off Weight AV-8S 14.1 ตัน (ใช้ Ski Jump) F-35B 27.3 ตัน http://en.wikipedia.org/wiki/McDonnell_Douglas_AV-8B_Harrier_II http://en.wikipedia.org/wiki/Lockheed_Martin_F-35_Lightning_II
การถกกันเรื่องการนำไปวางที่ Thaifighterclub ท่านลกเอี๋ยงทำไว้ให้เห็นแล้ว แต่ก็ยังมีประเด็นปัญหามากมายครับ
ส่วนตัว ผมเอง เรื่องการได้ AV-8S มา ได้มาในราคามิตรภาพ (Symbolic Price) AV-8S (AV-8A เดิม ของ US Marine) ที่เก่าแล้ว อเมริกาเคยใช้ สเปนได้ไปต่อ และมาจบที่ไทย ทางทร. ก็ได้ใช้งานมาเป็น 10 ปี จนหมดอายุของ บ. อะไหล่ปิดสายการผลิตไปแล้ว ซ่อมกินตัวก็แล้ว สุดท้าย พอถึงเวลาก็ต้องปลดประจำการครับ เราได้บุคคลากรที่เป็นนักบินเก่งๆ ช่างเก่งๆ จากงานนี้มากมาย และ ทร. ได้องค์ความรู้ ศาสตร์และศิลป์ ของการขึ้นลงทางดิ่ง ที่ทาง ทอ. ไม่มีด้วยซ้ำไปครับ AV-8S ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างคุ้มค่าในหลายๆ มิติแล้ว และปัจจุบัน 911 ก็กลับไปเป็น เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ตามเจตนารมณ์เดิมที่่ออกแบบไว้แต่แรก พร้อมเพิ่มขีดความสามารถ ในการตรวจจับด้วย Radar แบบใหม่ และสามารถ Link ข้อมูลกับทาง ทอ. ได้ เป็นเหมือนดวงตาผู้พิทักษ์ท้องทะเลไทย อีกทางหนึ่งครับ
สุดท้ายแล้ว ก็ต้องกลับมาย้อนถามกันใหม่ว่า ในยุทธศาสตร์การรบแบบป้องกันประเทศ เราจะมีเรือบรรทุกเครื่องบินรบ ไว้เพื่ออะไร เพราะโดยปกติแล้ว เรื่อบรรทุกเครื่องบิน ที่ฐานบิน เคลื่อนที่ได้ และมีเอาไว้บุก ถ้ามีเงินเหลือๆ ก็อยากได้ครับ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย และโลกตอนนี้
ความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า ไม่เกิดแน่ๆครับ มองเรือดำน้ำ หรืออะไรที่น่าจะได้ใช้มากกว่า
และผมเชื่อมั่นในทีมงานเสนาธิการทหาร ของไทยครับ ว่าด้วยความเป็นมืออาชีพ พวกท่านได้คิดอย่างละเอียด รอบคอบ มีวิสัยทัศน์ เป็นอย่างดี ในการบริหารงบประมาณทางทหารที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ต่อการคงความพร้อม ในการป้องกันประเทศเสมอครับ
Shika Lacy
บทความจากทางราชนาวีครับ
ช่วงที่ไม่ได้ออกทะเล ทางกองทัพเรือเปิดให้ประชาชนขึ้นชมเรือได้นะครับ
http://www.fleet.navy.mi.th/cvh911/web-page/about%20ship%20visit.html บทความชาวเรือ 15 ปีแห่งการดำรงอยู่
บทความชาวเรือ พาชมห้องโถงนายทหาร ร.ล.จักรีนฤเบศร
http://www.fleet.navy.mi.th/cvh911/web-page/page%20article/ship%20article%2014.html ข้อมูล เรือหลวงจักรีนฤเบศร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%A4%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A8%E0%B8%A3 http://xn--m3ck0cf2a0a.com/article/jakri-boat.html http://www3.navy.mi.th/index.php/main/detail/content_id/487